ประเภทของสถาบันภาษา

 

 

หลักสูตรการสอนภาษาอังกฤษให้แก่ผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง (ESOL- English for Speakers of Other Languages) ในนิวซีแลนด์ ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันนิวซีแลนด์เป็นผู้นำในการสอนสาขานี้ ผู้สนใจสามารถเลือกเรียนภาษาอังกฤษกับสถาบันภาษาซึ่งมีกระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ปัจจุบันนิวซีแลนด์มีสถาบันภาษาในสังกัดของมหาวิทยาลัยและโพลีเทคนิค 27 แห่ง และสถาบันภาษาเอกชนในความดูแลของ NZQA อีกกว่า 30 แห่ง

สถาบันภาษาหลายแห่งนอกจากจะสอนภาษาแล้ว ยังเป็นศูนย์สอบ IELTS หรือ TOEFL อีกด้วย ซึ่งนักเรียนที่สนใจจะเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาในนิวซีแลนด์เห็นว่าเป็นเรื่องที่อำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนและทำให้ลดความประหม่าและตื่นสนามสอบไปได้มาก สถาบันเหล่านี้จะมีหลักสูตรเตรียมสอบ IELTS และก่อนสอบจริงอาจจัดให้มีการทดลองสอบในสภาพแวดล้อมจริงที่เรียกว่า Mock Exam

 

 

 

ประเภทของสถาบันภาษา หากจัดแบ่งประเภทตาม Ownership (องค์กรที่เป็นเจ้าของ) 

 

1. สถาบันภาษาในสังกัดสถาบันอุดมศึกษา (มหาวิทยาลัย, โพลีเทคนิค, สถาบันเทคโนโลยี)

สถาบันประเภทนี้เหมาะกับผู้เรียนที่สนใจจะศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษานั้น ๆ ส่วนใหญ่จะมี Direct Pathway คือสามารถอนุมัติเป็นการภายใน ให้ผู้เรียนที่ผ่านเกณฑ์ภาษาที่กำหนด สามารถได้รับเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษาที่สถาบันภาษานั้นสังกัด โดยไม่ต้องสอบ IELTS อีก สถาบันส่วนมากจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้สัมผัสชีวิตการเรียนและความเป็นอยู่ในรั้วสถาบันก่อนการเข้าเรียนจริง ซึ่งนักเรียนอาจได้รับอนุญาตให้เข้าไปฟังการบรรยายในบางชั้นเรียนได้เสมือนเป็นนักศึกษาภาคปกติคนหนึ่ง นักศึกษาสามารถเลือกพักในหอพักของสถาบันและมีสิทธิ์เทียบเท่านักศึกษาภาคปกติในการใช้สาธารณูปโภคต่างๆของสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด, ยิมเนเซี่ยม, โรงอาหาร, Student Centre, ร้านค้าต่างๆ, ธนาคาร และที่ทำการไปรษณีย์ภายในมหาวิทยาลัย

หลักสูตรที่เปิดสอนมีทั้งแบบที่สามารถไปเริ่มเรียนได้ทุกสัปดาห์ กับแบบที่มีวันเปิดหลักสูตรเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี ค่าใช้จ่ายของสถาบันภาษาประเภทนี้ส่วนใหญ่จะแพงกว่าสถาบันภาษาประเภทอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้เนื่องจากเป็นสถาบันของรัฐที่มีรัฐบาลรับประกันคุณภาพการศึกษา มีภาพลักษณ์น่าเชื่อถือ และสถาบันไม่มีวันล้ม ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร

 

2. สถาบันภาษาเอกชน (สถาบันภาษาที่เจ้าของอยู่ในรูปบริษัทหรือ Trust Fund)
เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรียนเพื่อเพิ่มเติมหรือฟื้นฟูความรู้ด้านภาษาอังกฤษ สถาบันภาษาเอกชนมีหลักสูตรทุกรูปแบบที่เปิดสอนในนิวซีแลนด์และมีความถี่ของการเปิดหลักสูตรต่างๆ มากกว่าสถาบันภาษาของรัฐ นักเรียนสามารถไปเริ่มเรียนได้ตลอดปี นักเรียนที่ไปเรียนจะพบว่าในแต่ละวันจันทร์ของแต่ละสัปดาห์จะมีนักเรียนเข้าใหม่ และในแต่ละวันศุกร์ก็จะมีนักเรียนทยอยจบหลักสูตรออกไป

สถาบันภาษาเอกชนของนิวซีแลนด์ให้ความสำคัญมากกับการให้ความดูแลเอาใจใส่นักเรียนเป็นรายบุคคล มีชื่อเสียงในเรื่องการทำงานและการตัดสินใจที่รวดเร็วฉับไว วันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือหลังเวลาทำการสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ของสถาบันมักจะตอบสนองอย่างกระตือรือร้นต่อการร้องขอต่างๆ และให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้นักเรียน ผู้ปกครอง และเอเยนซี่อย่างฉับไว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการแข่งขันกันในระหว่างสถาบันภาษาเอกชนด้วยกันนั้นมีสูงมาก และในขณะเดียวกันก็ยังต้องแข่งกับสถาบันภาษาของรัฐด้วย ดังนั้นสถาบันเอกชนจึงต้องพยายามรักษามาตรฐานของตนให้สูงอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะดึงดูดนักเรียนจากทั่วโลกให้ไปเรียนกับตน

 

3. สถาบันภาษาภายในโรงเรียนมัธยม ได้แก่แผนก International Department ของโรงเรียนมัธยมต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งสามารถเปิดสอนภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนที่ต้องการได้รับประสบการณ์การเรียนในนิวซีแลนด์ ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว ตามเกณฑ์อายุซึ่งโรงเรียนได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการให้ทำการสอนได้ เช่น หากโรงเรียนนั้นได้รับอนุญาตให้รับนักเรียนที่อายุ 11 หรือ 13 ปีขึ้นไปเข้าเรียนในชั้นเรียนปกติของทางโรงเรียน นักเรียนต่างชาติที่จะเข้ามาเรียนภาษากับทางโรงเรียนไม่ว่าจะไปกรุ๊ปหรือไปเดี่ยว ก็จะต้องมีอายุ 11 หรือ 13 ปีขึ้นไปด้วยเช่นกัน โดยปกติทางโรงเรียนจะมีครูผู้สอน ESOL ประจำอยู่แล้ว ทั้งแบบ Full-time ที่สอนประจำ และแบบ Part-time หรือ On-Call ที่เป็นครูสอนแทนหรือสอนเสริม โดยครูผู้สอน ESOL จะทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดกับ Director of International Students, Homestay Co-ordinator และ Support Staff คนอื่นๆในแผนก โรงเรียนบางแห่งจ้าง Thai Counselor ประจำ เพื่อทำหน้าที่เป็นคนกลางเวลาที่นักเรียนมีปัญหาและยังไม่สามารถพูดให้คนอื่นเข้าใจเป็นภาษาอังกฤษ

การเรียนภาษาในรูปแบบนี้ ก็คือการไปเรียนหลักสูตรซัมเมอร์คอร์ส ที่คนไทยรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นเอง สำหรับสาเหตุที่ทำให้สถาบันภาษาประเภทนี้ได้รับความนิยม ทั้งๆที่ไม่ใช่สถาบันภาษาแบบเต็มรูป ไม่มี facilities หรูๆ อย่างสถาบันภาษาประเภทอื่นๆ ก็เนื่องมาจากการที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องการให้ลูกได้มีประสบการณ์เรียนร่วมกับเพื่อนนักเรียนวัยเดียวกันที่เป็นเจ้าของภาษา ได้ไปเรียนอยู่ในสภาพแวดล้อมของโรงเรียนมัธยม ผู้ปกครองส่วนหนึ่งอยากให้ลูกมีโอกาสได้ไป"ชิมลาง" ทดลองเรียนในชั้นเรียนปกติของนิวซีแลนด์ดูว่าชอบไหม ก่อนที่จะตัดสินใจส่งลูกไปเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์แบบเต็มปี

 

ประเภทของสถาบันภาษา หากจัดแบ่งตามผลการประเมินคุณภาพโรงเรียนโดย NZQA  

นิวซีแลนด์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลคุณภาพของสถาบันการศึกษาเป็นอย่างมาก และมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดที่สถาบันทุกแห่งต้องปฎิบัติตาม รัฐบาลมีหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ประเมินคุณภาพของสถาบันภาษาทั้งภายในและภายนอก โดยจะทำการประเมินทุกๆ 3 ปี ผลการประเมินประกาศบนเว็บไซต์ของหน่วยงานที่ทำการประเมินและจะ “ติด” อยู่ในประวัติของสถาบันภาษานั้นๆ ตลอดไป อย่างไรก็ตาม สถานภาพนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากมีผลการดำเนินการดีขึ้นหรือแย่ลงในรอบประเมินครั้งถัดไป (4 ปีครั้ง)


วิธีนี้ทำให้สถาบันภาษาต่างๆ เพิ่มความระมัดระวังทั้งในการดำเนินธุรกิจและการดูแลสวัสดิภาพของนักเรียน รัฐบาลและ Immigration จะมีการตรวจ attendance record (สถิติการเข้าเรียนของนักเรียน) โดยสถาบันมีหน้าที่ต้องเช็คชื่อนักเรียนและทำบันทึกการเข้าเรียนในทุกคาบเรียนที่นักศึกษาคนนั้นลงทะเบียนเรียน ซึ่งหากพบว่านักเรียนคนใดมีเวลาเข้าเรียนน้อยกว่า 85% และสถาบันไม่ดำเนินการใดๆ หรือมีนักเรียนที่ลงทะเบียนเรียนจำนวนมากแต่ไม่เห็นตัวนักเรียนในเวลาไปตรวจเช็ค หากเมื่อตรวจสอบดูแล้วเป็นเพราะสถาบันไม่เข้มงวดกับการรับเข้าเรียนหรือไม่มีระบบตรวจสอบที่ดีว่าเป็นนักศึกษาที่ต้องการมาเรียนจริงๆหรือมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงในการเข้าประเทศ สถาบันอาจได้รับการปรับลดความน่าเชื่อถือลงมา

นับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา NZQA ได้มีการ Classified (จัดแบ่งประเภท) ของสถาบันภาษาในนิวซีแลนด์ออกเป็น 4 ประเภท โดยเกณฑ์นี้ใช้ประเมินเฉพาะกับสถาบันภาษาเอกชน และไม่ได้ใช้บังคับกับสถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยและโพลีเทคนิค ซึ่งปกติมีมาตรฐานการเรียนการสอนสูงอยู่แล้ว และเป็นสถาบันภาษา Category 1 โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว 

 

  • สถาบันภาษา Category 1 คือสถาบันภาษาที่ได้ผลการประเมิน Highly Confident (มั่นใจเป็นอย่างยิ่ง) สำหรับทั้ง Education Performance และ Organisation Capability in self-assessment หรือ Highly Confident สำหรับ Education Performance + Confident (มั่นใจ) สำหรับ Organisation Capability in self-assessment รางวัลที่สถาบัน Category นี้ได้รับ สำหรับผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม และการจัดการภายในที่ดี คือนักศึกษาที่สมัครเข้าเรียนกับสถาบันในหลักสูตรเต็มเวลา 14 สัปดาห์ขึ้นไป (มีชั่วโมงเรียน 20-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) จะได้ สิทธิ์ทำงานพาร์ทไทม์ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ระบุในเงื่อนไขวีซ่านักเรียน ซึ่งปกติสิทธิพิเศษนี้สงวนไว้เฉพาะสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ลงทะเบียนเรียนหลักสูตรที่มีความยาว 1 ปีขึ้นไป ในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาเท่านั้น

 

  • สถาบันภาษา Category 2 คือสถาบันภาษาที่ได้ผลการประเมิน Confident (มั่นใจ) สำหรับทั้ง Education Performance และ Organisation Capability in self-assessment หรือ Confident สำหรับ Education Performance + Highly Confident สำหรับ Organisation Capability in self-assessment    นักเรียนที่ลงเรียนกับสถาบันประเภท 2 ยังสามารถได้สิทธิ์ในการทำงาน หากนักเรียน a) ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Full-time 24 สัปดาห์หรือมากกว่า b) มีผล IELTS 5.0 ขึ้นไป ที่มีอายุไม่เกิน 2 ปี มาแสดงก่อนที่จะขอวีซ่านักเรียน    

 

  • สถาบันภาษา Category 3 คือสถาบันภาษาที่ได้ผลการประเมิน Not Yet Confident (ยังไม่มั่นใจ) เกณฑ์ทำงานได้ของนักเรียน ใช้หลักเดียวกันกับ Category 2 Provider คือต้องมีผล IELTS 5.0 มาแสดงก่อนขอวีซ่า และต้องลงทะเบียนเกินกว่า 24 สัปดาห์ จึงจะทำงานได้

 

  • สถาบันภาษา Category 4 คือสถาบันภาษาที่ได้ผลการประเมิน Not Confident (ไม่มั่นใจ)  สถาบันภาษาประเภทที่ 4 นี้ อาจถูกสั่งให้พักการดำเนินงาน หรืออยู่ระหว่างการสอบสวน เป็นสถาบันที่เรียกได้ว่า "ติดแบล็คลิสต์" ของ Immigration ซึ่งหากนักเรียนไม่ทราบและหลวมตัวสมัครไปเรียนด้วย (อาจจะด้วยราคาถูกหรืออะไรก็แล้วแต่) ทาง Immigration จะไม่ออกวีซ่าให้ และท่านจะต้องสมัครเรียนกับสถาบันใหม่ที่ไม่ติดแบล็คลิสต์ 


สำหรับสถาบันภาษาที่ Smart NZ Education ทำงานด้วย ประมาณ 95% เป็นสถาบันภาษา Category 1  มีสถาบันภาษา Category 2 บ้างประปราย ซึ่งทาร์เก็ตไปที่นักเรียนไฮสคูลซึ่งไม่เน้นเรื่องการทำงานอยู่แล้ว  

 

SNZ ไม่ได้ทำงานกับสถาบันภาษา Category 3 หรือ 4 ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่านักเรียนจะได้รับการเรียนการสอนคุณภาพดี มีความสุขกับการใช้ชิวิตที่นิวซีแลนด์ และได้รับสิทธิ์การทำงานเมื่อลงทะเบียนเรียน ตามเงื่อนไขและระยะเวลาขั้นต่ำที่ทางรัฐบาลนิวซีแลนด์กำหนด

 


  • ENZ_Tu Ngatahi_Lockup_RGB.jpg
    Tū Ngātahi TūNgātahiis ateReoMāori phrasecalling us to‘stand together’. We want to show international students that they are welcome here, andwe all benefitwhen wework together. R...

  • 5079_OULC_3343.jpg
    นิวซีแลนด์มีหลักสูตรภาษาอังกฤษที่สามารถตอบสนองความต้องการหลากหลายของผู้เรียนได้เป็นอย่างดีไม่ว่าคุณจะมาเดี่ยว มาคู่ มาเป็นครอบครัว หรือมาเป็นกลุ่ม, มีเวลาเรียน 1 สัปดาห์หร...

  • 5079_Campbell-Institute_4109.jpg
    กลุ่มเป้าหมายของการเรียนการสอนภาษาในตลาดโลก ค่อนข้างจะต่างจากตลาดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในไทย ที่เน้นไปทางตลาดเด็กวัยรุ่นและนักเรียนนักศึกษา ในตลาดวิชาใหญ่ของโลก รวมทั้งในประเทศนิวซ...

  • Pic from August 2016 newsletter.jpg
    สัดส่วนนักเรียนจากประเทศต่างๆ (Nationalities Mix) ของสถาบันภาษา เป็นข้อมูลที่เปลี่ยนทุกสัปดาห์!ปกติจำนวนนักเรียนจากแต่ละประเทศจะขึ้นกับช่วงเวลาเปิด-ปิดเทอม, ช่วงเวลาที่นักศึกษาสำเร...

  • 30217.jpg
    สถาบันภาษาที่นักเรียนสมัครเข้าเรียน จะเป็นธุระจัดหาที่พัก ตามชนิดของที่พักที่นักเรียนระบุในใบสมัคร โดยประเภทของที่พักที่สถาบันจะจัดให้หรือมีให้เลือก จะขึ้นอยู่กับอายุของนักเรียนเป็...

  • NZ coins.jpg
    ค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษา แบ่งออกได้เป็นสามส่วน ส่วนที่หนึ่ง ค่าใช้จ่ายของทางโรงเรียน:ชำระก่อนทำวีซ่า โดยทั่วไปประกอบด้วย 1. ค่าเล่าเรียน คิดเป็นต่อสัปดาห์ โดยนับตั้งแต่วันจันทร์-ศ...

  • bungy dive.JPG
    นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง สถานที่ท่องเที่ยวทั้งแนวธรรมชาติและ man-made เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวและข้อมูลการท่องเที่ยว มีศูนย์ข้อมูลนักท่...

  • Work right.jpg
    เว็บไซต์ของ Education New Zealand และ NaumaiNZได้สรุปและรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ซึ่งเป็นประโยชน์และครบรอบด้านเกี่ยวกับสิ่งที่นักศึกษาต่างชาติควรทราบเกี่ยวกับการหางานทำในนิวซีแลนด...
Visitors: 154,020